ประวัติโรงเรียนวัดเย้ยปราสาท โดยสังเขป
โรงเรียนวัดเย้ยปราสาท ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2481 โดยนายอำเภอนางรองเป็นผู้จัดตั้งขึ้น ใช้ศาลาการเปรียญวัดเย้ยปราสาทเป็นสถานที่เรียน และเปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 – 4 ตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ นักเรียนที่เข้ามาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ ได้แก่ บ้านเย้ยปราสาท บ้านหนองตาดำ บ้านขามน้อย และบ้านหนองกราด ต่อมาคุณพ่อกำนันดี อุดมแก้ว และคุณพ่อธรรมา ดำดี ได้บริจาคที่ดินเพื่อปลูกสร้างโรงเรียนหลังใหม่ และชาวบ้านเย้ยปราสาทได้ช่วยกันจัดหาวัสดุเพื่อปลูกสร้างอาคารเรียนแบบถาวรขึ้น การจัดหาได้รับความร่วมมือร่วมใจจากประชาชนด้วยดีแต่ก็ใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากประชาชนมีฐานะยากจน มีรายได้น้อย จนถึงปี พ.ศ. 2510 จึงได้ทำการปลูกสร้างยกเสาทำโครงหลังคา ตามแบบ 004 ขนาด 10 ห้องเรียน และต่อมาได้รับการจัดสรรงบประมาณ 150,000 บาท ( หนึ่งแสนห้าหมื่นบาทถ้วน ) ได้สร้างจนสำเร็จเรียบร้อยเป็นอาคารเรียนเอกเทศถาวร
โรงเรียนวัดเย้ยปราสาท มีเนื้อที่ทั้งสิ้นประมาณ 12 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนหนองกี่ – ลำปลายมาศ และอยู่ตรงข้ามกับวัดเย้ยปราสาท มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
ทิศเหนือ จดถนนหนองกี่ – ลำปลายมาศ ยาวในแนวตะวันออก – ตะวันตก ประมาณ 4 เส้น
( 160 เมตร )
ทิศใต้ จดที่นาของนายเมือง อุดมแก้ว และนายธรรมา ดำดี มีระยะทางใกล้เคียงกับทิศเหนือ
ทิศตะวันออก จดสวนนายเมือง อุดมแก้ว ยาวในแนวเหนือ – ใต้ ประมาณ 3 เส้น ( 120 เมตร )
ทิศตะวันตก จดสวนนายธรรมา ดำดี มีระยะทางใกล้เคียงกับทิศตะวันออก
ข้อมูลทั่วไปในโรงเรียน
-
ปรัชญาโรงเรียน นตฺ ปญฺญา ษมา อาภา ( แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี )
-
คำขวัญโรงเรียน เรียนดี กีฬาเด่น เน้นคุณธรรม
-
ยุทธศาสตร์การพัฒนาโรงเรียน เข้าถึงนักเรียนกลุ่มพิเศษ การรับนักเรียนทุกระดับ ยกระดับ
มาตรฐานโรงเรียนให้มีคุณภาพ และพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ
-
ด้านอาคารเรียน / อาคารประกอบ อาคารเรียนแบบ สปช. 105/26 จำนวน 1 หลัง อาคารเรียน
แบบ สปช. 105/29 จำนวน 1 หลัง อาคารเรียนแบบ สปช. 102/26 จำนวน 1 หลัง โรงฝึกงาน จำนวน 1 หลัง บ้านพักครู จำนวน 2 หลัง ( ชำรุดทรุดโทรมแล้ว ) ห้องส้วม ขนาด 4 ห้อง จำนวน 2 หลัง
-
ด้านบุคลากรในโรงเรียน เมื่อปี พ.ศ. 2556 มีครูผู้สอนจำนวน 13 คน อัตราจ้าง จำนวน 2
คน โดยแยกเป็นชาย 5 คน หญิง 10 คน และนักการภารโรง 1 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 16 คน
-
ด้านจำนวนนักเรียน ปีการศึกษา 2556 ตามข้อมูล 10 มิถุนายน 2556 มีนักเรียนทั้งสิ้น
จำนวน 173 คน โดยแยกเป็นชาย 99 คน หญิง 74 คน
-
ด้านเขตบริการ
-
บ้านเย้ยปราสาท หมู่ที่ 1 , 2 และ 9 ตำบลเย้ยปราสาท อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์
-
บ้านหนองกราด หมู่ที่ 5 ตำบลท่าโพธิ์ชัย อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์
-
บ้านเสือชะเง้อ หมู่ที่ 5 ตำบลทุ่งกระตาดพัฒนา อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์
-
ด้านการจัดการเรียนการสอน มีการจัดการเรียนการสอนเป็น 4 ช่วงชั้น ดังนี้
-
ชั้นอนุบาลปีที่ 1 – 2
-
ช่วงชั้นที่ 1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 3
-
ช่วงชั้นที่ 2 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6
-
ช่วงชั้นที่ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 3
ลักษณะทางภูมิศาสตร์โดยทั่วไป
บริเวณที่ตั้งของชุมชนบ้านเย้ยปราสาท เป็ันที่ราบสูง มีลักษณะเป็นเนินดินสูงลาดยาวไปตามถนนหนองกี่ – ลำปลายมาศ ที่ล้อมรอบไปด้วยทรัพยากรป่าไม้ แหล่งน้ำธรรมชาติและพื้นที่การเกษตร ( ทำนา )
ตอนกลางของชุมชน เป็นที่ตั้งของวัดเย้ยปราสาท บริเวณทางทิศเหนือมีสระน้ำขนาดใหญ่ กว้าง 100 เมตร ยาว 200 เมตร และลึกประมาณ 15 – 20 เมตร ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคและบริโภคของชุมชน บริเวณทิศตะวันตกมีโบราณสถานที่เก่าแก่ที่สุด คือ ปราสาท สันนิษฐานว่า อยู่ในยุคเดียวกับปราสาทหินพนมรุ้ง ทางทิศใต้ของวัด มีโรงเรียนเป็นจุดศูนย์กลางแหล่งเรียนรู้และการศึกษา มีเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ เปิดสอนตั้งแต่ช่วงชั้นอนุบาล – ช่วงชั้นที่ 3 ( อนุบาล 1 – ม. 3 )
ทางทิศใต้เป็นที่ราบลุ่ม มีแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือละหานขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 2,800 ไร่ ในสมัยโบราณแหล่งน้ำนี้เป็นศูนย์รวมของสัตว์ป่านานาชนิด สัตว์บกและสัตว์น้ำมากมาย จาก “ตำนานโนนศาลา”
ลักษณะภูมิศาสตร์ของชุมชนบ้านเย้ยปราสาท ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงในเขตชุมชน และเป็นที่ราบลุ่ม จะล้อมรอบไปด้วยพื้นที่การเกษตร หรือพื้นที่ทำนา ทำการปลูกข้าวหอมมะลิ หากปีใดฝนตกชุกจะเกิดน้ำท่วมขัง และปีใดฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลก็จะแห้งแล้ง เพราะไม่มีแหล่งน้ำที่จะกักเก็บน้ำไว้ใช้ได้ตลอดปี อาศัยแหล่งน้ำธรรมชาติก็แห้งเหือดหายไปตามกาลเวลา เมื่อปี พ.ศ. 2531 – 2536 แหล่งน้ำธรรมชาติหรือละหานดังกล่าว ได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งน้ำตามโครงการพระราชดำริในพระบามทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 หรือเรียกว่า สวนหลวง ร. 9 ซึ่งถือได้ว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของชาวบ้านชุมชนบ้านเย้ยปราสาท เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชาวหนองกี่ตลอดมา และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
ทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติชุมชน หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในชุมชน และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของคนในชุมชน ได้แก่ ทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรดิน ทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรแร่ธาตุ และทรัพยากรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
-
ทรัพยากรดิน สาวนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย เพราะเกิดจากซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมกันเป็น
เวลานาน ๆ มีคุณสมบัติอุ้มน้ำไม่ดี ดินเสื่อมสภาพได้เร็ว เหมาะในการเพาะปลูกระยะสั้น ( ทำนา ทำสวน ) ส่วนใหญ่เกษตรกรนิยมใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีผสมลงไปในดิน จึงทำให้ดินไม่มีความอุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันชาวชุมชนบ้านเย้ยปราสาทได้หันมาใช้ปุ๋ยชีวภาพมากขึ้น การใช้ประโยชน์ของทรัพยากรดินในชุมชน มีดังนี้
-
ใช้ในการเพาะปลูกหรือเกษตรกรรม ( ทำนา ) ประมาณร้อยละ 70
-
ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ประมาณร้อยละ 15
-
ใช้เป็นที่กักเก็บน้ำหรือแหล่งน้ำ ประมาณร้อยละ 10
-
ใช้เป็นสาธารณะประโยชน์อื่น ๆ ประมาณร้อยละ 5
ด้านวัฒนธรรมทางภาษา
ภาษาพูดในชุมชนบ้านเย้ยปราสาท ส่วนใหญ่จะพูดภาษาท้องถิ่น ได้แก่ ภาษาส่วย และภาษาลาว
-
ภาษาส่วย หรือภาษากุย เป็นภาษาท้องถิ่นที่ชุมชนบ้านเย้ยปราสาทใช้พูดสื่อสารกัน โดยกลุ่ม
คนที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากอำเภอศีรขร จังหวัดสุรินทร์ และได้แพร่หลายไปสู่ชุมชนใกล้เคียง ได้แก่ ชุมชนบ้านหนองตาดำ ชุมชนบ้านขามน้อย ชุมชนบ้านหนองกราด ชุมชนบ้านสระขาม เป็นต้นดังเอกสารที่แนบท้ายนี้ด้วย
-
ภาษาลาว หรือลาวศรีสะเกษ เป็นอีกภาษาหนึ่งที่ชาวชุมชนบ้านเย้ยปราสาทใช้พูดสื่อสารกัน
โดยกลุ่มคนที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากอำเภอสำโรงทาบ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งดะกระจัดกระจายไปตามท้องที่ต่าง ๆ และอำเภอใกล้เคียง
ส่วนภาษาอื่น ๆ ได้แก่ ภาษาไทย – โคราช ภาษาไทย – นางรอง และภาษาเขมร จะใช้พูดสื่อสารกัน
เฉพาะในกลุ่มที่เป็นลูกเขยหรือลูกสะใภ้ในชุมชนเท่านั้น แต่ในการพูดสื่อสารกันระหว่างครู นักเรียน และผู้ปกครอง จะพูดเป็นภาษาไทยกลาง
ด้านการประกอบอาชีพ
อาชีพที่สำคัญของประชากรในชุมชนบ้านเย้ยปราสาท ได้จำแนกออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
-
ด้านเกษตรกรรม เป็นอาชีพหลักของประชากรในชุมชนบ้านเย้ยปราสาทมาเป็นเวลานาน ใน
ปัจจุบันได้เปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ให้พัฒนาขึ้น เดิมการทำเกษตรกรรมเป็นแบบเพื่อยังชีพ และใช้แรงานคนเป็นหลัก เมือเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีบทบาท ได้มีการนำเครื่องจักมาใช้แทนแรงงานคน จึงทำให้ผลผลิตด้านการเกษตรดีขึ้นกว่าเดิม และมีการแปรรูปผลผลิตเป็นสินค้าที่หลากหลาย
-
การทำนา ประชากรส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ปลูกข้าวหอมมะลิ
-
การเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ ฟาร์มเลี้ยงไก่พันธ์เนื้อ สุกร โค กระบือ และแพะ
-
การปลูกพืชผักสวนครัว ได้แก่ หัวหอม กระเทียม ผักกาดขาว กะหล่ำปลี สะระแหน่
ถั่วฝักยาว แตงกวา แตงโม เป็นต้น
-
การประมง ส่วนใหญ่จะจับสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ ได้แก่ หอย ปู ปลาและกุ้ง ไป
ขายเพื่อหารายได้เสริมให้กับครอบครัว
-
ด้านอุตสาหกรรม ในชุมชนบ้านเย้ยปราสาท มีโรงานอุตสาหกรรมและบริการ ได้แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้
-
อุตสาหกรรมในครัวเรือน เป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ที่ผลิตสินค้าไว้ใช้ในครัวเรือน ได้แก่
การทอเสื่อกก การทอผ้าไหม เครื่องจักสานประเภทต่าง ๆ เป็นต้น
-
อุตสาหกรรมขนากลาง ด้านเกษตรกรรม ได้แก่ โรงสีข้าว รถเกี่ยวข้าว รถสีข้าว และร้าน
ซ่อมรถประเภทต่าง ๆ
-
อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ผลิตสินค้าจำหน่ายไปในท้องที่
ต่าง ๆ เช่น โรงงานไม้ โรงงานน้ำแข็งประสงค์ทรัพย์ เป็นต้น
ปรับปรุงข้อมูลเมื่อ 2021-11-14 20:06:13 น.